นายอัศวิน เตชะเจริญวิกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ หรือ บีเจซี เปิดเผยว่า แผนการทำตลาดของบีเจซีในปี 66 บริษัทจะมุ่งหาตลาดหรือช่องทางการขายใหม่ๆในต่างประเทศ โดยเฉพาะในกลุ่มตะวันออกกลางและอาเซียน ซึ่งในเบื้องต้นนี้ จะนำสินค้าอุปโภคบริโภคเข้าไปจำหน่ายก่อนและในอนาคตอาจเข้าไปตั้งเป็นฐานการผลิต เนื่องจากมองว่าขณะนี้กำลังซื้อในประเทศยังมีอย่างจำกัด และคนไทยไม่มีเงินในกระเป๋าเพิ่มบริษัทจึงจำเป็นต้องหาตลาดใหม่เพื่อสร้างการเติบโต
“แม้ปีหน้ามองว่าภาคการท่องเที่ยวจะเป็นปัจจัยบวกของเศรษฐกิจไทย แต่เงินจะกระจุกตัวอยู่เพียงแค่ผู้ให้บริการนักท่องเที่ยวเท่านั้น ส่วนในกลุ่มการเกษตร ผู้ผลิตสินค้าต่างๆ ยังไม่มีเงินเยอะขึ้น ฉะนั้นจึงต้องหวังพึ่งในเรื่องการจับจ่ายภายนอกเป็นหลัก อีกทั้งสถานการณ์เศรษฐกิจโลกยังต้องจับตาอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะด้านราคาน้ำมัน ซึ่งจะส่งผลต่อค่าขนส่ง น้ำมันปาล์ม และต้นทุนการผลิตสินค้าได้อีก”คำพูดจาก ทดลองเล่นสล็อตทุกค่ายไม่ต้องสมัคร
อย่างไรก็ตาม นอกเหนือจากการท่องเที่ยวที่จะเป็นปัจจัยบวกของไทยแล้ว เชื่อว่าหากภาครัฐมีการเพิ่มศักยภาพของประเทศไทยให้เป็นที่น่าสนใจ เพื่อรองรับการผลิตของทั้งโลก อาทิ รถไฟฟ้าพลังงานทดแทน (อีวี) หลังจากหลายประเทศเริ่มขยายฐานการผลิตสินค้าจากจีน ก็น่าจะเป็นปัจจัยที่ช่วยให้ประเทศมีความคึกคักมากขึ้นคำพูดจาก ทดลองเล่น