เมื่อวานนี้ช่วงเช้าตามเวลาท้องถิ่น กระทรวงกลาโหมรัสเซียได้ออกมาเปิดเผยว่า สามารถสกัดโดรนที่ร่อนมาจากยูเครนได้ทั้งหมด 24 ลำ โดยโดรนเหล่านี้มุ่งหน้าไปยังหลายพื้นที่ทางภาคตะวันตกของรัสเซีย เช่น กรุงมอสโกและแคว้นมอสโก เมืองทูลา เมืองคาลูกา เมืองเบรียนสก์ และเมืองสโมเลนสก์
แห่งหนึ่งที่ได้รับผลกระทบคือที่เขตราเมนกีในกรุงมอสโก โดยมีรายงานว่าเกิดเพลิงไหม้หลังระบบป้องกันภัยทางอากาศของรัสเซียยิงสกัดโดรนตกในพื้นที่ดังกล่าว
"รัสเซีย" ส่งโดรนถล่ม "ยูเครน" ระลอกใหญ่ที่สุด
ฟินแลนด์ปิดจุดผ่านแดนเชื่อมรัสเซียเหลือเพียง 1 จุด
รัสเซียติดตั้งขีปนาวุธพร้อมเครื่องร่อนติดอาวุธนิวเคลียร์
อย่างไรก็ตาม เซอร์เก โซเบียนิน นายกเทศมนตรีกรุงมอสโกระบุว่า ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บจากการโจมตีและการยิงสกัดโดรนในมอสโก รวมถึงไม่มีรายงานความเสียหายใดๆ ออกมาอย่างเป็นทางการ
ส่วนที่เมืองทูลา เมืองอีกแห่งที่มีรายงานการโจมตีซึ่งอยู่ห่างจากกรุงมอสโกทางใต้ราว 170 กิโลเมตร อเล็กเซ ดูมิน ผู้ว่าการแคว้นทูลาออกมาระบุว่า การยิงสกัดโดรนส่งผลให้เศษซากโดรนบางส่วนพุ่งเข้าใส่อะพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่ง ส่งผลให้หน้าต่างของอะพาร์ตเมนต์ได้รับความเสียหาย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย 1 ราย
ยูเครนเผย ส่งโดรนโจมตีเพื่อตอบโต้ที่รัสเซีย
สาเหตุที่เกิดการโจมตีด้วยโดรนในหลายพื้นที่ของรัสเซีย แหล่งข่าวไม่เปิดเผยตัวตนจากหน่วยข่าวกรองทางทหารของยูเครนระบุต่อ ยูเครนสกา พราฟดา (Ukrainska Pravda) สื่อออนไลน์ยูเครนว่า ยูเครนได้ร่อนโดรนเข้าไปโจมตีบนแผ่นดินรัสเซีย เพื่อตอบโต้ที่รัสเซียส่งโดรนเข้ามาถล่มยูเครนและกรุงเคียฟครั้งใหญ่เมื่อช่วงเช้ามืดเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา
โดยอ้างว่า ตั้งแต่เวลา 03.30-9.20 น. ของวันอาทิตย์ที่ 27 พ.ย. ยูเครนได้ส่งโดรนทั้งหมด 35 ลำเข้าโจมตีเป้าหมายทางการทหารเท่านั้น
นอกเหนือจากจะปรากฏการโจมตีด้วยโดรนหลายแห่งบนแผ่นดินรัสเซียแล้ว กระทรวงกลาโหมรัสเซียยังอ้างว่า ระบบป้องกันภัยทางอากาศสามารถสกัดโดรนได้อีกจำนวน 53 ลำเหนือพื้นที่ที่รัสเซียยึดครองไปจากยูเครนได้
นั่นก็คือบางส่วนของแคว้นคาร์คีฟ แคว้นโดเนตสก์ และแคว้นลูฮานสก์ ส่งผลให้กระแสไฟฟ้าถูกตัดในพื้นที่บางส่วนของแคว้นโดเนตสก์ รวมถึงในเมืองมาริอูปอล
การโจมตีด้วยโดรนระลอกใหญ่ในรัสเซียเมื่อวานนี้เกิดขึ้นภายใน 24 ชั่วโมงหลังจากรัสเซียส่งโดรนพลีชีพระลอกใหญ่จำนวน 75 ลำโจมตีหลายพื้นที่ในยูเครน โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่กรุงเคียฟ โดยถือเป็นการโจมตีทางอากาศระลอกใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่รัสเซียเริ่มทำสงครามรุกรานยูเครนเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปี 2022
แม้ว่ายูเครนจะสามารถยิงสกัดโดรนได้แทบทั้งหมด แต่เศษซากโดรนจากการระเบิดหลังยิงสกัดส่งผลให้มีพลเรือนได้รับบาดเจ็บ 5 ราย ขณะที่มีอาคารหลายหลัง ซึ่งรวมถึงอาคารที่อยู่อาศัยและโรงเรียนอนุบาลแห่งหนึ่งได้รับความเสียหาย อีกทั้งยังส่งผลให้กระแสไฟฟ้าถูกตัดชั่วคราวในบางพื้นที่ของกรุงเคียฟ ก่อนที่จะกลับมาใช้งานได้อีกครั้งภายในวันเดียวกัน ทั้งนี้ การโจมตีทางอากาศต่อยูเครนของรัสเซียเริ่มปรากฏขึ้นอีกครั้งในวันที่ยูเครนกำลังเข้าสู่ช่วงฤดูหนาว
หลายฝ่ายกังวลว่ารัสเซียจะหันกลับไปใช้ยุทธศาสตร์มุ่งโจมตีทางอากาศไปยังโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานต่างๆ ที่จำเป็นในการดำรงชีวิต เช่น โครงข่ายผลิตกระแสไฟฟ้าและพลังงาน ซึ่งเป็นยุทธศาสตร์เดียวกันกับที่รัสเซียใช้โจมตียูเครนช่วงฤดูหนาวปีที่แล้ว เพื่อให้ความมืดมิดและอากาศที่หนาวเหน็บบ่อนทำลายขวัญกำลังใจของชาวยูเครนในการต้านทานรัสเซียและบั่นทอนความสามารถของกองทัพยูเครนในการสู้รบ
ยูเครนเตรียมรับมือรัสเซียโจมตีโครงสร้างพื้นฐานช่วงฤดูหนาว
อย่างไรก็ดี ในปีนี้รัสเซียยังไม่ได้เปิดฉากโจมตีทางอากาศใส่ยูเครนอย่างเต็มรูปแบบ โดยปรากฏการโจมตีด้วยขีปนาวุธเป็นระลอกๆ เท่านั้น และมีลักษณะกระจัดกระจายในหลายพื้นที่ หลายฝ่ายวิเคราะห์ว่าสาเหตุที่การโจมตีเป็นไปในลักษณะเช่นนี้ เนื่องจากรัสเซียต้องการพยายามหาช่องโหว่การป้องกันการโจมตีทางอากาศของยูเครน รวมถึงต้องการบั่นทอนระบบป้องกันภัยทางอากาศให้อ่อนกำลังลงก่อน ขณะที่เมื่อปีที่แล้ว รัสเซียเริ่มโจมตีทางอากาศเพื่อทำลายโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานตั้งแต่ช่วงเดือนตุลาคมเป็นต้นไป
ส่วนอีกสาเหตุที่รัสเซียยังไม่เปิดฉากโจมตีทางอากาศอย่างเต็มรูปแบบ โอเล็กซี ดานิลอฟ เลขาธิการสภาความมั่นคงและการป้องกันแห่งชาติยูเครนได้ออกมาเปิดเผยต่อสำนักข่าว The Guardian เมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า รัสเซียกำลังรอให้ให้อุณหภูมิในยูเครนลดต่ำลงไปกว่า 0 องศาก่อน เพื่อให้ภาวะขาดกระแสไฟฟ้าในช่วงที่อากาศหนาวเย็นส่งผลกระทบรุนแรงขึ้น โดยรัสเซียพร้อมที่จะโจมตียูเครนทันทีที่อุณหภูมิลดลง สอดคล้องกับข้อมูลจากหน่วยข่าวกรองกลาโหมสหราชอาณาจักรที่ระบุว่า ตลอดสองเดือนที่ผ่านมารัสเซียได้ลดระดับการโจมตีทางอากาศลง เพื่อสะสมขีปนาวุธและเตรียมเปิดฉากโจมตีครั้งใหญ่ช่วงฤดูหนาว
ระบบโครงข่ายไฟฟ้ายูเครนยังเปราะบางจากการโจมตีปีที่แล้ว
หนังสือพิมพ์ เดอะ นิวยอร์ก ไทมส์ รายงานเกี่ยวกับสถานการณ์ระบบพลังงานไฟฟ้าในยูเครนจากคำสัมภาษณ์ของผู้เชี่ยวชาญและเจ้าหน้าที่ยูเครนหลายรายว่า ระบบโครงข่ายผลิตไฟฟ้าของยูเครนอยู่ในสภาพที่เปราะบางกว่าปีที่แล้ว เนื่องจากการโจมตีทางอากาศของรัสเซียเมื่อฤดูหนาวยังคงทิ้งผลกระทบไว้อยู่ โดยวิกตอเรีย วอยต์ซิตสกา อดีตสมาชิกสภานิติบัญญัติและสมาชิกอาวุโสของคณะกรรมการพลังงานของรัฐสภายูเครนระบุว่าระดับกำลังการผลิตไฟฟ้ารวมของยูเครนไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปมากนัก หลังจากที่รายงานขององค์การสหประชาชาติประเมินไว้เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมาว่า กำลังการผลิตไฟฟ้ารวมของยูเครนลดลงเหลือครึ่งหนึ่งของกำลังการผลิตก่อนสงครามเริ่ม
ขณะที่การซ่อมแซ่มโรงผลิตไฟฟ้าย่อยยังไม่เสร็จสิ้นดี รวมถึงยูเครนยังคงขาดแคลนอุปกรณ์ผลิตไฟฟ้าสำคัญอย่างหม้อแปลง ซึ่งกว่าครึ่งถูกทำลายไปจากการโจมตีของรัสเซียเมื่อฤดูหนาวปีที่แล้ว
โดย อเล็กเซ คูเชเรนโก รองประธานคณะกรรมการพลังงานของรัฐสภาระบุว่า เป็นไปไม่ได้ที่ยูเครนจะฟื้นฟูระบบโครงข่ายไฟฟ้าทั้งหมดภายในปีเดียว
อย่างไรก็ดี ขณะที่ระบบโครงข่ายไฟฟ้าของยูเครนเปราะบางกว่าปีที่แล้วและมีกำลังการผลิดลดลง เยอร์มัน กาลูชเชนโก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานยูเครนระบุว่า ปีนี้ยูเครนมีขีดความสามารถในการป้องกันการโจมตีทางอากาศที่มากขึ้นกว่าเดิม เนื่องจากชาติพันธมิตรตะวันตกจัดหาระบบป้องกันภัยทางอากาศมาให้ แม้ว่าจะยังไม่เพียงพอที่จะรับมือกับการโจมตีทางอากาศได้ทั่วประเทศก็ตาม
ขณะเดียวกัน ผู้ให้บริการด้านพลังงานของยูเครน ไม่ว่าจะเป็นยูเครเนอร์โกหรือ DTEK ได้เตรียมมาตรการรับมือในกรณีที่กระแสไฟฟ้าถูกตัดจากการโจมตีแล้ว เช่น เตรียมเครื่องกำเนิดกระแสไฟฟ้า พยายามเพิ่มกำลังการผลิตและเสริมการป้องกันบริเวณโรงงาน
ขณะที่ยูเครนหวั่นว่ารัสเซียจะเปิดฉากโจมตีทางอากาศต่อยูเครนอย่างเต็มรูปแบบในเร็วๆ นี้ การสู้รบที่แนบรบทางภาคตะวันออกในแคว้นโดเนตสก์ ทางภาคใต้ที่แคว้นซาโปริซเซียและทางฝั่งตะวันออกของแม่น้ำดนีโปรในแคว้นเคอร์ซอนยังคงดำเนินต่อไป แม้ว่าจะยังเป็นไปอย่างจำกัดและชะงักงันก็ตาม
อย่างไรก็ดี ล่าสุดกองทัพยูเครนสามารถตั้งฐานที่มั่นทางฝั่งตะวันออกของแม่น้ำดนีโปร ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ตกอยู่ในการยึดครองของกองทัพรัสเซียได้แล้ว
ยูเครนเริ่มตั้งที่มั่นฝั่งตะวันออกของแม่น้ำดนีโปร
เมื่อวันที่ 17 พ.ยคำพูดจาก สล็อตเว็บตรง. ที่ผ่านมา หน่วยนาวิกโยธินยูเครนได้ออกมาระบุผ่าน Facebook ว่า ยูเครนสามารถตั้งที่มั่นริมแม่น้ำทางฝั่งศัตรูหรือที่ในทางการทหารเรียกว่า bridgehead ทางฝั่งตะวันออกของแม่น้ำดนีโปรในแคว้นเคอร์ซอนส่วนที่อยู่ภายใต้การยึดครองของรัสเซีย
หมายความว่า ยูเครนสามารถเคลียร์ข้าศึกออกจากบางพื้นที่ได้สำเร็จ จนปลอดภัยมากพอที่จะเคลื่อนพลและยานเกราะข้ามแม่น้ำได้ในอนาคต นี่ถือเป็นความคืบหน้าล่าสุด หลังจากกองทัพยูเครนเปิดปฏิบัติการจู่โจมข้ามแม่น้ำดนีโปร เพื่อบุกลึกเข้าไปในพื้นที่ยึดครองของรัสเซียมาเป็นเวลา 1 เดือนแล้ว ขณะเดียวกัน นี่ก็เป็นช่วงเวลาเดียวกันกับที่หลายฝ่านยตั้งคำถามต่อยูเครนว่า สงครามได้เข้าสู่ระยะชะงักงันแล้วหรือไม่
อย่างไรก็ดี คอนราด มูซิกา นักวิเคราะห์ด้านการทหารจาก Rochan Consulting วิเคราะห์ผ่านหนังสือพิมพ์นิวยอร์ก ไทมส์ว่า ความสำเร็จในการตั้งที่มั่นยังไม่ถือเป็นความคืบหน้าสำคัญที่จะสร้างจุดเปลี่ยนในสงครามได้ เนื่องจากขณะนี้ขีดความสามารถของกองทัพยูเครนที่แนวรบริมแม่น้ำดนีโปรยังไม่เพียงพอที่จะรุกคืบต่อไปยังคาบสมุทรไครเมีย
ทั้งนี้ นักวิเคราะห์รายนี้มองว่า หากกองทัพยูเครนมุ่งไปที่การรักษาตำแหน่งที่มั่น ขับไล่กองทัพรัสเซีย และขยายที่มั่นทางฝั่งศัตรูให้ได้มากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ตลอดช่วงฤดูหนาว ก็อาจสามารถใช้พื้นที่นี้เพื่อเป็นจุดเริ่มต้นในการเปิดปฏิบัติการโต้กลับในอนาคตได้
ลอยกระทง 2566 วันไหน มีตำนานประวัติความเป็นมาอย่างไร?
สุดสลด! “วิวาห์เลือด” เจ้าบ่าวรัวยิงเจ้าสาว-แม่ยาย-ญาติ ตาย 5 สาหัส 1
“อามาเทราสุ” อนุภาคปริศนาตกลงมายังโลกจากพื้นที่ว่างเปล่าในอวกาศ